กำลังบันทึกข้อมูล
ใช้ทรูพ้อยน์แลกประกันได้ พ้อยท์(คะแนน)หมดแล้วจะซื้อประกัน
แบ่งปัน
โดย ชัยยะพัส อินจงกลรัศม์ 12/7/64 18:35

????ถาม:

มีลูกค้าคนนึงไม่มีประกันชีวิตเลย แต่เค้าบอกว่า

ใช้ทรูเค้ามีประกันนั่นนี่ฟรี ใช้พ้อยแลก

ถ้าพ้อยหมดจึงจะสนใจ เราจะไปต่อยังไงดีคะ พี่เจฟ

 

????ตอบ: วิเคราะห์ก่อนตอบ ประเด็นคือ

 

1.ตัวแทนยังไม่สามารถเปิดใจผู้มุ่งหวังได้มากพอ

เขายังไม่รู้สึกว่าตัวแทนมาช่วยเขา

นอกจากพยายามขายของให้เขาเสียมากกว่า

การต่อต้านการขายจึงเกิดขึ้น

ในรูปแบบของการสร้าง “ข้อโต้แย้ง”

 

2.ตัวแทนยังไม่สามารถทำให้ผู้มุ่งหวัง

เห็นคุณค่าของประกันชีวิตได้ เขาจึงบ่ายเบี่ยงด้วยข้อโต้แย้งนี้

 

ดังนั้นปฏิบัติตาม 7 กรวยกรองการขายอย่างเคร่งครัด

จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวแทนปิดการขายได้มากขึ้น

 

แนวทางการตอบดังนี้

ตัวแทน: ดีค่ะประหยัดดี อันนั้นน้องก็เห็นด้วยเลย

ใช้แต้มทรูพ้อยแลกประกันเลยค่ะ ประหยัดดี

และพี่ไม่ต้องซื้อประกันชีวิตก็ได้ค่ะ

หากพี่คิดว่าปัญหาทุกอย่างในครอบครัว

ได้รับการแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จแล้ว

 

ก่อนลาจากกัน น้องมีสองประเด็นเรียนให้พี่ทราบ

 

✅ประเด็นที่ 1

พี่เคยได้ยินคำนี้ไหม

“Insurance กับ Assurance”

 

สิ่งที่พี่ใช้พ้อยทรูแลกนั่นเขาเรียกว่า Insurance

เช่นใช้ทรูพ้อย 30 แต้ม แลกประกันโควิดได้ 30 วัน

ที่วงเงิน 100,000 ค่ารักษา 10,000

ซึ่ง ค่ารักษา 10,000 บาทพอรักษาโรคโควิดไหม

พี่ลองตรองดูด้วยตนเอง พี่คงพอรู้ได้

 

หากเสียชีวิตจากโควิด

ได้รับเงิน 100,000 บาท

100,000 บาทที่ได้มาชดเชยกับค่าความสามารถที่สูญไปตลอดกาลของพี่ได้ไหม

พี่คิดดู น้องคิดว่าพี่คงพอประเมินได้

 

Insurance คือรับประกันว่าอาจจะเกิดหรือไม่เกิด

ถ้าเกิดเหตุก็จ่าย ไม่เกิดเหตุก็กินเบี้ยประกันกันไป

ประดุจการพนัน บริษัทประกันภัยรับพนันความเสี่ยงนั่นเอง

 

ในกรณีพี่มีแต้มทรู แลกประกันภัยแบบ Insurance ได้ อันนั้นเป็นเรื่องดี

แต่อย่าลืมวงเงินก็ถูกจำกัด

 

ดังที่เรียนให้พี่ทราบแล้ว

ถ้าเกิดเหตุ พี่ติดโควิดขึ้นมาแล้ว

บริษัทประกันจ่าย แบบ “เจอ จ่าย จบ”

แต่โรคนี้มันร้ายนัก

มันไม่จบ มันกัดกินทำลายปอด

ทำลายระบบทางเดินหายใจ

เขาว่าหากรักษาหาย ปอดเราอาจทำงานได้เพียง 60%

 

ตอนนั้นพี่อยากซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ เพราะอยากลดรายจ่าย

บริษัทประกันก็อาจไม่รับ หรือเพิ่มเบี้ยประกันสูงมาก

จนพี่ร้องว่า “แพงเหลือใจ” ผลเสียตกอยู่กับใครล่ะคะพี่

 

Assurance แปลว่า “การรับรอง”

ทำไมต้องมีการรับรอง

เนื่องด้วยชีวิตคนเรามี 2 แบบ “ไม่ตายเร็ว ก็ตายช้า”

ไม่มีใครสามารถวางแผนได้ว่าจะตายวันไหน

 

แต่ไม่ว่าจะตายตอนไหนก็จำเป็นต้องใช้ “เงิน” ทั้งสิ้น

คนส่วนใหญ่นึกว่า Assurance เป็น Insurance เป็นแบบเดียวกัน

 

น้องเรียนถามพี่ว่า แบบนี้พี่ทำได้ไหม....

 

????พี่ทำได้ไหม ผ่อนรถมา 20 ปี

แล้วเอารถไปคืนบริษัทรถยนต์ แล้วขอเงินที่ผ่อนทั้งหมดคืน

 

????พี่ทำได้ไหม เช่าบ้านมา 20 ปี

เมื่อครบ 20 ปี ขอค่าเช่าคืนทั้งหมด

 

????พี่ทำได้ไหม...ประกันไฟบ้านมา 20 ปี

บ้านไม่เกิดไฟไหม้ พี่ขอเงินคืนทั้งหมดจากบริษัทประกัน

 

แต่ด้วยหลักการ Assurance

พี่ใช้ Assurance ประกันรายได้ของพี่ เพื่อคนที่พี่รักสุดหัวใจ

หากจะเกิดการสูญเสีย ไม่มีมนุษย์คนไหนต้านทานท่านยมบาลได้

ไม่ได้ว่ายากดีมีจน เป็นรากหญ้า หรือ มหาเศรษฐี

 

หากแต่คนเราเลือกได้ว่า ถึงแม้จะจากไป ก็ไม่จำเป็นต้องให้รายได้ตายตามไปด้วยได้

ด้วยการให้บุคคลที่ 3 คือบริษัทประกันแบกรับความเสี่ยงแทนพี่ทั้งสองทาง

คือไม่ว่าจะอยู่ หรือ ตาย เขาต้องจ่ายเงินคืนพี่หรือครอบครัวของพี่ทุกกรณี

 

หากเกิดเหตุ คนที่พี่รักได้รับเงินสดก้อนโต ชดเชยค่าเสียหาย

จากการที่พี่ต้องจากครอบครัวไปก่อนเวลาอันสมควร

แต่...พี่ก็สามารถขอเงินคืนทั้งหมดได้ หากไม่เกิดเหตุร้ายใดใด

เอาเงินที่ได้รับมาเลี้ยงชีพยามเกษียณ ไม่ต้องรอลุ้นว่าลูกจะกตัญญูหรือเปล่า

เพราะ “10 ลูกกตัญญูหรือจะสู้ 1 เงินในกระเป๋า”

 

✅ประเด็นที่ 2

แต้มทรูพ้อยก็ดีช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ยังไม่ครบ “องค์รวม”

เรามาแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จดีไหมคะ

 

เมื่อรู้ดั่งนี้แล้ว พี่อยากแบกความเสี่ยงนี้ไว้เอง

หรือปัดภาระให้ บริษัทประกันแบกแทนล่ะคะ

 

วันนี้น้องมาพูดคุยกับพี่

ปัญหานี้ก็ยังอยู่ในครอบครัวพี่นะคะ

ให้น้องเอาปัญหานี้ไปกลับไปกับน้อง ดีไหมคะ

(ปิดการขาย)

 

 

เขียนโดย เจฟ ชัยยะพัส

16 เมษายน 2564

ดู 405, ตอบ 0
โปรแกรมกุนซือประกัน (Beta) V.1
สงวนลิขสิทธิ์ © 2567 พี่ชื่อเจฟ
นโยบายการจัดส่งสินค้า | นโยบายการยกเลิกการสั่งซื้อ | นโยบายการคืนเงิน | นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | ข้อเสนอแนะจากผู้ใช้