ทรัพย์สินทางการเงินที่มีค่าที่สุดของคุณคืออะไร?

ตัวแทน: ทรัพย์สินทางการเงินที่พี่หวงที่สุดคืออะไรหรือครับ? 
ถ้าสิ่งนั้นหายไป พี่จะรู้สึกว่าเสียดายเป็นที่สุด

ผู้มุ่งหวัง: (ตอบอะไรก็ได้)

ตัวแทน: แต่เชื่อหรือไม่ครับ ในแง่เศรษฐศาสตร์ กลับกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย ทางทฤษฎีบอกว่า ทรัพย์สินทางการเงินที่มีค่าที่สุดของมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่ทรัพย์สินทางการเงินภายนอก แต่เป็นทรัพย์สินทางการเงินภายในของเขาต่างหาก
นั่นคือ “Earning Ability” หรือความสามารถในการหารายได้ ซึ่งมนุษย์แต่ละคนมีความสามารถไม่เท่ากัน บางคนหาเงินได้วันละหลักร้อยบาท บางคนหาได้วันละหลักล้านบาท

พี่เห็นด้วยไหมครับ บรรดาทรัพย์สินภายนอก ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ พอร์ตหุ้น ที่ดิน เงิน ที่พี่มีทุกวันนี้ ล้วนมาจาก Earning Ability ทรัพย์สินภายในของพี่ทั้งสิ้น

แต่เจ้า Earning Ability นี้มีทั้งข้อดี และข้อเสียครับ

ยกตัวอย่าง

ข้อดี
หมอ มี Earning Ability คือความสามารถทางการแพทย์ สามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลจากสินทรัพย์ภายในชิ้นนี้

ข้อเสีย
หมอไม่สามารถถ่ายทอด Earning Ability นี้ให้ใครได้เลย ไม่ว่าหมออยากจะมอบทรัพย์สินภายในนี้ให้ลูกเขามากแค่ไหนก็ทำไม่ได้

นักบิน ทนายความ นักธุรกิจ คนที่มีความสามารถในการหาเงินมากๆ ก็ตกอยู่ภายใต้กฏเดียวกัน ไม่มีใครสักคนสามารถแหกกฏ ยก Earning Abilility ให้ทายาทได้เลย

สมมติ Earning Ability ของคนๆหนึ่งคือ 100,000 บาทต่อเดือน
แสดงว่า เขาจะสร้างรายได้ ได้ปีละ 1.2 ล้านบาท
10 ปี 12 ล้านบาท
20 ปี 24 ล้านบาท (สมมติว่ามีเวลาทำงานอีก 20 ปี)
แต่กติกาคือ ต้องมี “เวลา” ประกอบด้วยจึงจะได้รายได้ตามที่คำนวน

พี่เห็นด้วยกับผมไหมครับว่า
เราทุกคนรู้อดีตกันหมด
แต่ไม่มีสักคนที่รู้อนาคต

เราทุกคนต่างรู้ว่า เราต้องจากโลกนี้ในวันหนึ่ง
แต่ไม่มีสักคนนึง รู้ว่าต้องจากไปในวันไหน

มันไม่สำคัญว่าจะจากไปเมื่อไหร่
มันสำคัญที่ว่าจะเหลือไว้ให้คนข้างหลังเท่าไหร่

ถ้าตามสมการที่เราคุยกันเมื่อครู่
วันนี้ก็เหมือนพี่พกเงินนับล้านๆ บาทติดตัวไปด้วยทุกวัน
มันมีความเสี่ยงอยู่ตลอด เพราะมันอาจจะหายไปเมื่อไหร่ก็ได้
แทนที่มันจะเป็นของทายาทพี่

แต่ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า “ประกันชีวิต” 
ใครจะเรียกว่าประกันชีวิต หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่สำหรับผม ผมจะเรียกมันว่า “ Cash Building Machine” เครื่องสร้างเงินสด

มันจะช่วยให้พี่ถอดค่าความสามารถเป็น “เงินสด” ไว้ได้ทันที
จะมีใครบางคนช่วยการันตีให้พี่แล้วว่า

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “เงินสดก้อนโต” ที่พี่ตั้งใจมอบให้คนข้างหลังจะถูกส่งถึงมือพวกเขาอย่างแน่นอน ในเวลาที่จำเป็นที่สุด

การประกัน Earning Ability ก็ง่ายมาก
พี่เอาเงินก้อนเล็ก ไปซื้อเงินก้อนใหญ่
เหมือนเอาเศษเหรียญบาท 3 เหรียญ ไปซื้อแบงค์ร้อย

หากอยากถอดค่าตัวเป็นเงินสด 10 ล้านบาทให้ลูก ก็ออมปีละ 300,000 บาท
20 ล้านบาทก็ 600,000 บาท
หากแม้นออมไปได้เพียงปีเดียว แล้วจากไปก่อนวัยอันควร 
เงินสดสิบล้าน หรือ ยี่สิบล้าน ก็จะถูกส่งมอบให้ทายาทของพี่ทันที ไม่ต้องเสียภาษีสักแดง ไม่ต้องเสียภาษีมรดกด้วย

แต่หากไม่เกิดอะไรขึ้น นอกจากพี่ได้กำไรชีวิต ได้อยู่กับครอบครัว
เงินที่ออมไว้ทั้งหมดจะถูกส่งมอบให้พี่ไว้ใช้ในยามเกษียณ

ดังนั้นไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ตัวพี่และครอบครัวก็ ชนะ-ชนะ ทั้งสองทางครับ

ความเสี่ยงก็เหมือนกับ “อากาศ”
เรามองไม่เห็นแต่มันก็มีอยู่ ใช่ไหมครับ?
อย่างถอยรถเข้าบ้าน ร้อยวันพันปี ไม่เคยมีอะไร
แต่ไอ้วันที่มันจะเกิดเหตุ กระถางต้นไม้ยังล้มได้ 
เสาบ้านต้นเบ่อเร้อ ยังถอยไปชนได้
ตัวเราอ่ะเสี่ยงได้เสมอ แต่อย่าเอา “คนที่เรารัก” มาร่วมเสี่ยงด้วยเลยนะครับ


วันนี้พี่อยากเริ่มต้นถอดค่าความสามารถเป็นเงินสดๆให้คนที่พี่รัก และห่วงใยที่วงเงิน สิบล้าน หรือ ยี่สิบล้านดีครับ?