กำลังบันทึกข้อมูล
ฉันไม่จำเป็นต้องทิ้งอะไรไว้ให้ลูกฉัน เพราะว่าพ่อกับแม่ของฉันก็ไม่ได้ลงทุน หรือทิ้งมรดก?
แบ่งปัน
โดย ชัยยะพัส อินจงกลรัศม์ 13/12/66 10:23
Prospect เป็นคนรู้จัก(ญาติฝั่งสามีของดิฉัน) เขาเป็นฝรั่งชาวอเมริกัน แต่งงานมีลูก2คน 

นำเสนอแบบประกันไป ทั้งแบบมีเงินสะสม ไม่มีเงินสะสม เก็บไว้ใช้ได้ตอนเกษียณ แถมไม่ต้องเสียภาษี เขาบอกว่าดี ทุกอย่างดีชอบ แต่สุดท้ายบ่ายเบี่ยง บอกว่า (แปลเป็นไทยได้ตามนี้…)



“ฉันคิดว่า ฉันไม่จำเป็นต้องทิ้งอะไรไว้ให้ลูกฉัน เพราะว่าพ่อกับแม่ของฉันก็ไม่ได้ลงทุน หรือทิ้งมรดกอะไรให้ฉัน ฉันรักพวกเขานะ ทั้งพ่อแม่ และลูกๆ แต่พ่อแม่ฉันก็แค่เลี้ยงฉันมา ฉันออกบ้านมาตั้งแต่อายุ18 หาเลี้ยวตัวเองได้ ลูกๆของฉันก็ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ฉันไม่โอบอุ้มพวกเขาไปตลอด เรื่องเกษียณ ฉันก็ไม่ได้ห่วงอะไรตอนนี้ เพราะฉันยังอายุไม่มาก (อายุ30ต้นๆ)  ฉันยังไม่อยากคิด“

พี่เจฟตอบ
I really understand what you have said. Many clients of mine are like you too. They build their own fortunes themselves and some of them are very successful and some are even millionaires.
ดิฉันเข้าใจสิ่งที่คุณพูดเป็นอย่างดีเลยค่ะ เพราะว่ามีลูกค้าของดิฉันหลายท่านเป็นเหมือนกับคุณเลย พวกเขาสร้างชีวิต สร้างฐานะด้วยตัวเอง และบางคนประสบความสำเร็จมากๆ บางคนก็เป็นเศรษฐีเลยล่ะค่ะ

I think you are also one those who are very successful because of your strong determination, dedication and life experience. Also I am quite certain that you will take best care of your family.
ดิฉันคิดว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จเพราะมีจิตใจที่เข้มแข็ง ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และมีประสบการณ์ชีวิต และดิฉันยังแน่ใจด้วยอีกว่าคุณจะดูแลครอบครัวของคุณอย่างดีที่สุดค่ะ

However I am just wondering, you said you had left your family to earn a living yourself at 18. If something happened to your parent before you had finished your primary school, what would it be like? What would happen to that very young kid?
อย่างไรก็ดี ดิฉันเพียงสงสัยว่า คุณบอกว่าคุณได้ออกจากครอบครัวและหาเงินใช้เองตั้งแต่อายุ 18 
ถ้าสมมติมีบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณก่อนที่จะเรียนจบชั้นประถม เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กที่อายุยังน้อยมาก?

Do you agree that when a breadwinner is gone, all income will be gone with him too?
How come a young kid deal with that challenge?
คุณเห็นด้วยไหมคะว่า เมื่อผู้หารายได้จากไป รายได้ทั้งหมดก็จะหายตามเขาไปด้วย?
และลูกน้อยจะเผชิญกับสถานการณ์แบบนั้นอย่างไร?

Likewise, your kids are just (their ages). How can they survive without his father’s income at this ages? 
เช่นเดียวกันค่ะ ลูกของคุณเองยังเล็กมาก พวกเด็กๆ จะอยู่อย่างไรถ้าขาดรายได้จากพ่อ ตอนที่เขายังอายุน้อยมากและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

Don’t believe me, you just imagine if you were in heaven yesterday, what would happen in your family today? Not only sorrow, but also financial problem would arise. Right?
ไม่ต้องเชื่อดิฉันนะคะ คุณลองจินตนาการด้วยตนเอง หากเมื่อวานนี้คุณได้อยู่บนสรวงสวรรค์แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณในวันนี้? ไม่ใช่เพียงแต่ความเศร้าโศก แต่ปัญหาการเงินก็จะเกิดตามขึ้นมาอีกด้วย ถูกมั๊ยคะ?

Is it a financial problem after premature death? If so, who will solve this problem?
Your beloved wife? 
มันคือปัญหาการเงินจากการจากไปก่อนวัยอันควรใช่หรือไม่? ถ้าใช่ แล้วใครจะแก้ปัญหานี้?
ภรรยาอันเป็นที่รักของคุณ?

If your family doesn’t have enough cash to pay all bills and child education, is it possible that your wife might find another source of income to compensate her husband’s diminished income? She would spend more time to earn more income, instead of spending time taking care of your kids, wouldn’t she?
ถ้าครอบครัวไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนและการศึกษาของลูกๆ เป็นไปได้มั๊ยที่ภรรยาของคุณอาจจะต้องหาแหล่งรายได้อีกทางเพื่อชดเชยรายได้ของสามีที่หายไป และเธอจะต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อแลกรายได้แทนที่จะเอาเวลาเหล่านั้นไปดูแลเด็กๆ จริงไหมคะ?

I am here today not to sell life insurance. I am here today as your friend to make sure that you and your beloved ones will not have to face any financial problem.
ดิฉันมาที่นี่ไม่ใช่มาเพื่อชายประกันชีวิต ดิฉันมาที่นี่ วันนี้ ในฐานะเพื่อนของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณและบุคคลอันเป็นที่รักจะไม่ประสบปัญหาการเงินในอนาคต

Risk is like air. You cannot see it or predict it, but it does exist. 
ความเสี่ยงก็เหมือนอากาศ คุณมองไม่เห็นมัน อีกทั้งทำนายล่วงหน้าก็ไม่ได้ว่า มันจะมาเมื่อไหร่ แต่มันก็มีอยู่

When we are discussing your problem, your problem is still in your family. Would you keep it yourself or let me take it out immediately with me?
ในขณะที่เรากำลังถกปัญหาของคุณ ปัญหาของคุณก็ยังอยู่ในครอบครัวของคุณ
คุณอยากจะเก็บปัญหานี่เอาไว้ต่อไป หรืออยากให้ดิฉันนำไปให้พ้นจากครอบครัวของคุณทันทีคะ?




ตอบมาอย่างนี้ ดิฉันก็ไปไม่เป็น เลยต้องจำใจออกมา เพราะไม่อยากให้เขามองว่าตื้อ และต้องการรักษาน้ำใจไว้ เป็นลูกพี่ลูกน้องของสามีดิฉัน

พี่เจฟตอบ:
-ถ้าไม่อยากให้มองว่าตื้อ ต้องทำงานแบบมืออาชีพ ฝึกฝนและพัฒนาทักษะการขายอย่างสม่ำเสมอ
มายเซ็ตต้องเป็น Mission before commission นึกถึงปัญหาลูกค้าก่อนนึกถึงผลตอบแทนของเรา


คนที่ตอบ เป็นภรรยาที่ต้องเลี้ยงลูกแฝดสองคนวัย2ขวบ ตัวเขาไม่มีรายได้อะไร สามีเขาเป็นเจ้าของธุรกิจ ทำvending machines (พวกตู้ขายขนม/น้ำ อัตโนมัติ ที่ติดตามออฟฟิศ หรือโรงอาหารต่างๆ) 

พี่เจฟตอบ:
—คุณต้องไปคุยกับคนมีอำนาจการตัดสินใจคือตัวสามี
แต่เคลียร์ความคิดภรรยาก่อน
บอกเขาว่า คุณเข้าใจเธอเลย
แม่บ้านมักมองเรื่องประกันชีวิตเป็นเรื่อง expense มันดูสิ้นเปลือง
แต่แม่หม้ายมองมันเป็นรายได้ก้อนสุดท้ายที่เธอต้องใช้ตลอดชีวิต
ทำเพื่อลูก...
เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันคนที่ลำบากคือตัวเธอและลูก
ดังนั้นให้เธอนัดสามีเพื่อคุยเรื่องนี้แบบเป็นกิจลักษณะ
แล้วใช้บทสนทนาข้างต้นคุยกับสามี (เพิ่มเติม ตัดออกได้ตามความเหมาะสม)





เป็นพี่เจฟ พี่เจฟจะตอบอย่างไรคะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ 

และในเมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นนานแล้ว เราควรจะกลับไปพูดอย่างไรดีคะ ขอบพระคุณมากๆค่ะ ????????❤️????

พี่เจฟตอบ:
--หาโอกาสไปเยี่ยมเยียนตามปกติ
หากมีโอกาสก็เล่าเคสที่เกิดขึ้นก็ได้ เช่นเคสชดเชยสินไหมที่ตัวแทนในทีมคุณ เคยนำไปมอบให้กับภรรยาที่สูญเสียสามีไป บอกเธอว่า คุณรู้สึกไม่ดีที่อธิบายไม่ชัดเจนและเกรงใจกลัวเสียมิตรภาพมากเกินไป แทนที่จะสนใจแก้ปัญหาให้กับครอบครัวของเธอ ดังนั้นคุณจึงตัดสินใจคุยเรื่องนี้อีกครั้ง
ดู 109, ตอบ 0
โปรแกรมกุนซือประกัน (Beta) V.1
สงวนลิขสิทธิ์ © 2567 พี่ชื่อเจฟ
นโยบายการจัดส่งสินค้า | นโยบายการยกเลิกการสั่งซื้อ | นโยบายการคืนเงิน | นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | ข้อเสนอแนะจากผู้ใช้